โยริ มัตซึโมโตะ ผู้อำนวยการ "ฝ่ายราเม็งของผู้หญิง" กล่าวว่า "เมื่อพูดถึงราเม็ง สิ่งแรกที่ผู้หญิงกังวลคือแคลอรี่ ราเม็งเพื่อสุขภาพที่ใส่ผักเยอะมักเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ราเม็งมังสวิรัติก็ฮอทไม่แพ้กัน ราเม็งสไตล์พาสต้าในซุปมะเขือเทศและชีสเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงเช่นกัน ระดับความคาดหวังจะสูงขึ้นมากหากราเม็งนั้นปรุงโดยเชฟชาวอิตาลีหรือฝรั่งเศส"

คุณคิโยริ ผู้ผลิตอิสระ ผู้เขียน "ราเมงของผู้หญิง" ที่ริเริ่มความนิยมนี้ เขียนบทความและบล็อกเกี่ยวกับร้านราเม็งที่เธอและเพื่อนๆ ผู้หญิงเห็นว่ามีเสน่ห์

"ผู้หญิงไม่คิดว่าร้านไหนดีเพียงเพราะราเม็งอร่อย" คุณคิโยริกล่าว "ร้านราเม็งธรรมดามีบรรยากาศที่คุณแค่ไปทานอาหารและออกจากร้านทันทีที่ทานเสร็จ แต่ผู้หญิงชอบจิบชาและพูดคุยกันหลังอาหารด้วย เรามีความสุขหากร้านราเม็งมีบรรยากาศสไตล์คาเฟ่ และหากมีขนมหวานในเมนู ช่วงเวลาหลังอาหารหลักก็จะยิ่งมีความสุขขึ้นไปอีก"

"คุกัตสึโดะ ราเม็ง แอนด์ สวีทส์ คาเฟ่" ได้รับการรีวิวสรรเสริญโดยคิโยริ มัตซึโมโตะ ผู้ที่กล่าวว่าร้านนี้ "เหมือนกับคาเฟ่ที่ซ่อนอยู่- ที่ที่ผู้หญิงสามารถผ่อนคลาย ไม่ว่าจะคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม" ในขณะที่ลูกค้าเอนตัวในเก้าอี้แสนสบายและดูวิวสีเขียวสบายตา ความกังวลใดๆ ก็หายไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศสบายๆ แสนสงบ ตามคอนเซปต์เจ้าของร้านสาว ทำให้คุณเกือบลืมว่ากำลังอยู่ในชิบุย่าเมืองที่มีคนหนาแน่นเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาว

แน่นอนว่าความภูมิใจของเจ้าของร้าน คือ ราเม็งธรรมชาติ ก็ดีเลิศไม่แพ้กัน ไม่มีการใช้เครื่องปรุงที่เป็นสารเคมีใดๆ และขณะที่ซุปโชยุมีรสอ่อนๆ ในตอนแรก แต่จะมีความนุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ ราเม็งนี้มีผู้ชื่นชอบจำนวนมากที่เป็นนักกินราเม็งผู้ชาย นอกจากนี้เสน่ห์ของร้านยังอยู่ที่เมนูของหวาน ซึ่งแปลกมากสำหรับร้านราเม็ง สาวๆ ผู้ชื่นชอบทานของหวานสามารถลองทานของหวานสไตล์ญี่ปุ่นที่เจ้าของร้านสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประนีต!

คุณคิโยริแนะนำ "Gold Salt Ramen Due Italian" ในอิชิกายะ ย่านกลางเมืองบรรยากาศสงบ ในฐานะ "ร้านที่คุณจะพบกับราเม็งที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมีฐานลูกค้าร้อยละ 80 เป็นผู้หญิง" เจ้าของร้านนี้คือเชฟคะซึโอะ อิชิซึกะ ผู้ที่อยู่ในแวดวงอาหารอิตาเลียนมานานถึง 25 ปี

ราเม็งแบบไม่เหมือนใครนี้ใช้ส่วนประกอบสไตล์อิตาลีเช่นมะเขือเทศ แฮมและชีสหมักแห้ง และมีรสชาติอร่อยที่ไม่เหมือนราเม็งหรือพาสต้าแบบดั้งเดิม ด้วยความประสงค์ของเชฟที่ต้องการ "ใส่อาหารทั้งคอร์สไว้ในชามเดียว" รสธรรมชาติของส่วนประกอบค่อยๆ เผยออกทีละอย่างในปาก

เริ่มจากไอเท็มแรกในเมนู - "ราเม็งเกลือทอง" (780 เยน) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อร้านด้วย- ที่นี่ไม่มีเมนูไหนที่รสชาติแปลกหรือเสแสร้ง แต่จะเน้นเรื่องความเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อคุณได้ลองราเม็งที่นี่ คุณจะต้องแนะนำคนอื่นต่ออย่างแน่นอน- "ลองมาชิมกันดู!"